เกิดจาก high-potency bisphosphanate หรือ denosumab โดยเฉพาะเมื่อใช้เป็นเวลานาน และปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ คือ dentoalveolar surgery
อาจไม่มีอาการเป็นเวลานาน มีอาการปวดกราม ฟันโยก กระดูกโตขึ้น เหงือกบวม แดง หรือ เป็นแผล
การป้องกัน
- ลดปัจจัยเสี่ยง เช่น สุขภาพช่องปากไม่ดี ฟันปลอมไม่พอดี เบาหวานที่คุมไม่ดี การสูบบุหรี่
- ก่อนเริ่มยา osteoclast inhibitor ให้ทำฟันให้เรียบร้อย
- ระหว่างใช้ยาให้ดูแลช่องปากให้ดี ได้แก่ แปรงฟันทุกวัน ใช้ไหมขัดฟัน ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อบ้วนปาก ตรวจฟันสม่ำเสมอ รวมถึงแจ้งทันตแพทย์ว่าใช้ยากลุ่มนี้อยู่ (เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงการถอนฟัน)
- ถ้าจำเป็นต้องทำฟันแนะนำให้หยุดยา 2-3 เดือนก่อนและหลังการทำฟัน และใช้ยาต่อเมื่อแผลหายสนิท
การรักษา
- เริ่มด้วยการรักษาแบบ conservative ก่อน ได้แก่ ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อบ้วนปาก (chlorhexidine 30s BID, hydrogen peroxide) ดูแลความสะอาดช่องปาก อาจให้ ATB ถ้าสงสัย infection (pain, erythema) และจำกัดการ debridement เท่าที่จำเป็น
- อาจลองให้ teriparatide นาน 8 สัปดาห์ในรายที่ไม่หาย (เช่น 8 สัปดาห์) และอาจพิจารณายาอื่นๆที่มีหลักฐาน เช่น pentoxifylline 400 mg PO BID x 10 mo, vitamin E 400 mg PO BID x 10 mo, low-level laser irradiation, hyperbaric oxygen, topical ozone
- นัดติดตามอาการทุก 8 สัปดาห์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น