High-altitude illness
เมื่อขึ้นที่สูงทำให้แรงกดอากาศลดลง แม้ว่า FiO2
จะคงที่ที่ 20.94% แต่จะทำให้ PiO2
ลดลง เนื่องจาก PiO2 = FiO2 x (Pb –
47 mmHg) และเมื่อ PiO2 ลดลงทำให้ pressure
gradient ระหว่าง inspired air กับ tissue
น้อยลง เมื่อ PiO2 ลดลงมากๆ หรือร่วมกับการที่ต้องการ
oxygen มากขึ้น เช่น ออกกำลังกาย จะทำให้เกิด tissue
hypoxia ได้
Acclimatization คือ การปรับตัวต่อภาวะ acute
hypobaric hypoxia แต่ไม่ทราบกลไกทั้งหมด ซึ่งจะทำให้ tissue
oxygenation ดีขึ้น การปรับตัวนี้เกิดขึ้นทันที แต่ใช้เวลาหลายสัปดาห์จนกว่าจะเสร็จสิ้น
ได้แก่
- Minute ventilation เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลจากภาวะ hypoxia เรียกว่า hypoxic
ventilatory response (HVR) เมื่อการหายใจมากขึ้นจะทำให้ PaCO2
ลดลงทำให้ pH เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ central
chemoreceptor ที่ medulla ส่งคำสั่งกลับมายับยั้ง
ventilation ตรงจุดนี้ต้องรอให้เกิด renal compensation
ต่อภาวะ alkalosis โดยการขับ bicarbonate
ออกทางไต ซึ่งจะเริ่มเห็นผลใน 24-48 ชม. (เต็มที่ใน 4-7 วัน) จะช่วยให้กลับมาเพิ่ม ventilation ได้อีก
การไปกินยาที่กดการหายใจจะทำให้การปรับตัวเกิดช้า
- HR, BP, venous tone เพิ่มขึ้น เกิดจากการเพิ่มขึ้นของ sympathetic activity แต่ stroke volume ลดลง จากการที่ plasma
volume ลดลง จาก bicarbonate diuresis, intravascular fluid
shift, และ aldosterone suppression แต่การดื่มน้ำให้มากขึ้นก็ไม่ทำให้ดีขึ้น
- Oxygen delivery ไปที่สมองจะไม่เปลี่ยนแปลง
จากการเพิ่มขึ้นของ cerebral blood flow ยกเว้น SpO2
ลงมาถึง 70-80%
- Mild pulmonary HT จากภาวะ hypoxia ทำให้ pulmonary vascular
resistance เพิ่มขึ้น ในรายที่ออกกำลังกายหนัก (และอากาศที่เย็น) ยิ่งทำให้ PA pressure เพิ่มขึ้น ในคนที่เกิด HAPE เชื่อว่ามีหลายปัจจัยร่วมกัน
(สัมพันธ์กับ genetic) รวมถึง pulmonary
vasoconstriction ที่ไม่สม่ำเสมอ มีบางตำแหน่งที่มี vasoconstriction
น้อยกว่าทำให้มี microvascular pressure สูง เกิด
regional overperfusion เกิด patchy pulmonary edema
ระดับความสูงที่ส่งผลต่อร่างกาย
- 1500-2000 m (5000-8200 ft) อาจมีอาการเล็กน้อย
- > 2500 m (8200 ft) ถ้าไม่มีเวลาให้ปรับตัวจะพบ mild-moderate AMS ได้บ่อย
และอาจพบ HAPE ได้
- > 3000 m (9800 ft) ถ้าไม่มีเวลาให้ปรับตัวได้เพียงพอจะพบ AMS และเสี่ยงต่อ
HAPE และ HACE
การป้องกัน
- ถ้าเดิมอาศัยที่ระดับความสูง <
1500 m (5000 ft) ห้ามขึ้นความสูง > 2800 m (9200 ft) รวดเดียว แต่ให้นอนพักในระดับความสูงระหว่างนั้นซักหนึ่งคืนก่อน (ถ้ามีเวลามากก็พัก 5-7 วันเลย)
แต่ถ้าความสูง > 3000 m (9800 ft) ความพักเพิ่มอีกคืนที่ระดับความสูงไม่เกิน
500 m เทียบกับคืนแรกและให้มีวันพัก 1 วันทุกๆ
1000 m (3280 ft) ที่เพิ่มขึ้น
- การทำ preacclimatization
ช่วยให้ปรับตัวได้เร็วขึ้น คือ การสัมผัสกับ hypoxia ก่อนจะไปจริง นาน > 8 ชม.ต่อวันนาน
7 วัน โดยเทียบเท่าไม่น้อยกว่า 2000 m เทียบกับระดับความสูงที่จะไป
- หลีกเลี่ยงการใช้ยากดการหายใจ
และหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักในช่วงปรับตัว แต่การออกกำลังปานกลางอาจช่วยให้ปรับตัวได้ดีขึ้น
- ในรายที่ต้องขึ้นความสูง >
2800 m (หรือ > 2500 m + เคยเป็น AMS)
โดยมีเวลาให้ปรับตัว < 2 วัน หรือต้องขึ้น >
3000 m โดยไม่มีวันพักทุก 1000 m ให้ป้องกันโดยใช้ยา
acetazolamide 125 mg (1.25 mg/kg ในเด็ก) PO q 12 h เริ่มก่อนขึ้นที่สูงและใช้ต่อเนื่อง 2-3
วันเมื่อขึ้นสู่ความสูงสูงสุดแล้ว (หรือ dexamethasone
2 mg PO q 6 h หรือ 4 mg PO q 12 h) หรือให้ oxygen
1-2 LPM ให้ oxygen saturation > 90% (แนะนำให้ตอนนอนคืนแรก)
- ในรายที่มีประวัติ HAPE หรือมีความเสี่ยง (pulmonary HT) ให้ nifedipine ER 30 mg PO q 12 h เริ่มวันก่อนขึ้นและใช้ต่อเนื่อง 5 วันเมื่อขึ้นสู่ความสูงสูงสุดแล้ว ถ้าเด็ก < 50 kg ให้ acetazolamide แทน
โรคในกลุ่ม HAI ได้แก่
acute mountain sickness, high-altitude cerebral edema, high-altitude
pulmonary edema, high-altitude pulmonary HT (เด็ก < 6 สัปดาห์ที่ไปอยู่ที่สูง > 3000 m นาน >
1 เดือน), high-altitude retinal hemorrhage (พบบ่อยที่ความสูง
> 4270 m), high-altitude periodic breathing of sleep
Acute mountain sickness / High-altitude cerebral edema
เกิดจากภาวะ hypoxemia ไปกระตุ้น
trigeminal vascular system ด้วยกลไกเหมือนกับการเกิด migraine
นอจากนี้ยังเกิดจาก hypoxemia ไปทำให้เกิด cerebral
vasodilatation ทำให้ ICP เพิ่มขึ้น (ยิ่งสมองแน่นยิ่งมีอาการ)
ซึ่งอาการจะหายไปหลังร่างกายปรับตัวได้ ในรายที่เป็นมากจะเป็น HACE เกิดจาก cerebral edema จนอาจเสียชีวิตจาก brain
herniation ได้
อุบัติการณ์
- AMS ที่ความสูง 2500
m พบ 19% แล้วเพิ่ม 13% ทุกๆ
1000 m ยิ่งคนที่ไม่มีเวลาให้ปรับตัวจะเกิดอาการเป็นส่วนใหญ่
- HACE ที่ความสูง 3000-4000
m พบ 0.1-2% มักพบว่ามี HAPE ร่วมด้วย (ถ้าไม่มี HAPE ร่วมด้วย
การเกิด HACE จะพบได้ยากที่ระดับต่ำกว่า 5000 m หรือ 16400 ft)
อาการ
- AMS มาด้วยปวดศีรษะ
ร่วมกับอ่อนเพลีย มึนศีรษะ เบื่ออาหาร คลื่นไส้ นอนหลับไม่สนิท ตื่นบ่อย (อาจเกิดจาก central sleep apnea) อาจมีอาการเร็วภายใน
1-2 ชม.หรือช้าถึง 24 ชม. (ปกติที่ 6-12 ชม.)
เมื่อขึ้นไปที่ความสูง > 2000 m อาการจะดีขึ้นใน
1-2 วัน (แต่อาจเป็น > 1 สัปดาห์ได้)
- HACE มีอาการสับสน
ดูง่วงซึมมาก เดินเซ พบ SpO2 ต่ำ จะเป็น AMS
มาก่อนแล้วเปลี่ยนเป็น HACE ในเวลา 12 ชม.ถึง 3 วัน
โดยจะเป็นเร็วถ้ามี HAPE ร่วมด้วยเพราะไปกระตุ้นให้ hypoxia
รุนแรงขึ้น ตรวจร่างกาย finger-to-nose และ heel-to-toe
walking ผิดปกติ อาจตรวจพบ papilledema แต่มักไม่มี
focal neurological deficit (stroke) หรือ seizure (exercise-associated
hyponatremia)
การวินิจฉัย
- AMS จากประวัติ
(> 2000 m) และอาการเข้าได้ การให้ oxygen 2-4 LPM x
15-20 นาทีแล้วอาการดีขึ้นชัดเจนจะช่วยสนับสนุนการวินิจฉัย
- HACE จากประวัติ (>
3000 m) และอาการเข้าได้ ให้เริ่มรักษาทันทีเมื่อสงสัย และทำ brain
MRI เพื่อยืนยัน และ DDx เช่น hypoglycemia,
CO poisoning, migraine, dehydration, exhaustion, hyponatremia, infection, alcohol
hangover, stroke เป็นต้น
การรักษา
- AMS ไม่เพิ่มระดับความสูง
หลีกเลี่ยงยากดการหายใจ รักษาตามอาการจะดีขึ้นใน 24-48 ชม.
เช่น ถ้าปวดศีรษะให้ paracetamol
หรือ NSAID ถ้าคลื่นไส้ให้ ondansetron
หรือ ถ้านอนไม่หลับ ให้ oxygen ตอนนอน หรือให้
acetazolamide (ถ้าต้องการใช้ยานอนหลับอาจใช้ zolpidem
ขนาดไม่เกิน 5 mg)
- ในรายที่มีอาการมากให้ลดระดับความสูง
500-1000 m (1600-3300 ft) หรือให้ oxygen จนกว่าอาการจะดีขึ้น (อาจให้แค่ 0.5-1 LPM หรือให้เฉพาะตอนนอน นาน 12-48 ชม.) หรือ portable hyperbaric therapy 1 ชม.แล้วซ้ำอีกภายใน 12 ชม. (เทียบเท่ากับการลดระดับความสูง
> 2000 m) หรือให้ dexamethasone 4 mg PO/IM q 6 h
x 1-2 วัน และให้ acetazolamide เพื่อเร่งการปรับตัว
(125-250 mg PO BID x 1-3 วัน)
- HACE
รักษาเช่นเดียวกับ AMS เน้นที่การวินิจฉัยให้เร็ว ให้รีบลดระดับความสูงลง
1000 m (3300 ft) (โดยเฉพาะในขณะที่ยังเดินได้)
ให้ oxygen ให้ SpO2 > 90%
และให้ dexamethasone 8-10 mg PO/IM/IV then 4 mg q 6 h
High-altitude pulmonary edema
- พบที่ระดับความสูง >
2500 m (8000 ft) มาด้วยไอแห้งๆ หายใจเหนื่อยขณะออกแรง
มักมีอาการที่ 2-4 วัน เมื่อเป็นมากขึ้นจะเหนื่อยแม้ขณะพัก พบ
tachycardia, tachypnea, และ low-grade fever ได้บ่อย พบว่า oxygen saturation ต่ำกว่าปกติอย่างน้อย
10% ที่ควรจะเป็นที่ระดับความสูงนั้นๆ มักอยู่ระหว่าง 50-75%
- CXR พบ patchy
alveolar infiltration เริ่มจาก right central hemithorax ก่อนที่จะเป็นสองข้าง แยกจาก pneumonia คือ แม้ว่า CXR
จะดูเป็นมากแต่ HAPE อาการมักไม่รุนแรง (แต่ hypoxemia จะรุนแรง) และค่อยๆดีขึ้นหลังให้
oxygen นอกจากนี้การทำ US พบ B-lines
หรือ “comet tail” จะช่วยยืนยัน
- การรักษา คือ การลดระดับความสูงทันทีและให้ oxygen ในรายที่ลดระดับความสูงและไม่สามารถให้
oxygen ได้ แนะนำให้ยา nifedipine XR 30 mg PO q 12 h (เตรียม IV NSS ให้ถ้ามี hypotension)
หรือ tadalafil 10 mg PO q 12 h หรือ sildenafil
50 mg PO q 8 h; ในเด็ก < 17 ปีให้ amlodipine 2.5-5 mg PO OD (0.1-0.6 mg/kg/dose)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น